อาหารลดน้ำหนักมื้อเช้า
มื้อเช้าจัดเป็นมื้ออาหารที่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่งเพราะเป็นช่วงที่สมองและระบบต่างๆ ของร่างกายต้องเริ่มต้นปฏิบัติงานไปตลอดทั้งวัน การรับประทานอาหารในมื้อเช้านอกจากจะช่วยให้ร่างกายมีเรี่ยวแรง สมองมีพลังในการประมวลผล คิดวิเคราะห์ เรียนรู้ และจดจำแล้ว ยังช่วยให้เราไม่อ้วนง่ายเมื่อเทียบกับคนที่ละเลยมื้อเช้า เนื่องจากคนที่อดอาหารมื้อเช้าจะทำให้หิวโหยมากในมื้อต่อๆ ไป เป็นผลให้รับประทานอาหารปริมารมากขึ้นและมักเลือกอาหารที่มีพลังงานสูงเพื่อให้อิ่มท้องนานๆ
การอดอาหารมื้อเช้าจะทำให้น้ำหนักลดลงไหม?
มีผลการศึกษามากมายจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วโลกที่แสดงว่า ผู้ที่ละเลยการกินมื้อเช้า มีโอกาสสูงที่จะเป็นคนน้ำหนักเกิน ฟังทีแรกอาจรู้สึกเหลวไหล ก็ถ้าไม่รับประทานแล้วจะน้ำหนักเกินได้อย่างไร ในเมื่อน้ำหนักตัวเป็นผลจากแคลอรีที่กินเข้าไป เทียบกับแคลอรีที่ร่างกายใช้ ถ้ารับประทานน้อยไป 1 มื้อ แคลอรีที่ได้รับก็ควรจะน้อยลงไม่ใช่หรือ แต่ผลการศึกษาพบว่าคนที่ไม่รับประทานมื้อเช้า มักจะรู้สึกหิวเกือบตลอดวัน เลยรับประทานมื้ออื่น ๆ หนักกว่าเดิม ผลรวมแคลอรีที่กินตลอดวันแทนที่จะลดลงกลับเพิ่มขึ้น ดังนั้นไม่ว่าคุณจะกำลังควบคุมน้ำหนัก หรือจะอยากเริ่มวันใหม่อย่างถูกต้อง ขอให้ตั้งต้นที่การรับประทานมื้อเช้า
ตัวอย่างเมนูมื้อเช้าแบบง่ายๆ ได้คุณค่า
- โจ๊กหมู เมนูที่หาซื้อรับประทานได้ง่าย แถมมีประโยชน์ครบถ้วน
- ต้มเลือดหมู เมนูเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงที่มีสารอาหารครบถ้วน
- ขนมปัง+ไข่ดาว เมนูที่ทำง่ายและสะดวกมากๆ แต่ควรเลือกแผ่นขนมปังโฮลวีทแทนขนมปังขาวธรรมดา เนื่องจากมีกากใยอาหาร และสารอาหารมากกว่า
- ซีเรียลผสมข้าวโอ๊ต หรือผลไม้ต่างๆ เป็นอีกเมนูหนึ่งที่สามารถทำรับประทานได้ง่ายๆ ได้ประโยชน์
- โยเกิร์ตผสมผลไม้สด ควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เนื่องจากมีปริมาณไขมันน้อยกว่าโยเกิร์ตรสผลไม้แล้วใส่ผลไม้สดที่ชอบลงไป
- แกงจืด เมนุรับประทานง่าย จะซื้อไว้ / หรือทำเองตั้งแต่ตอนเย็น พอตอนเช้าก็นำมาอุ่นระบประทานได้ทันที
- อกไก่อบ ถือเป็นส่วนที่มีไขมันน้อยที่สุดของเนื้อไก่จึงได้โปรตีนแบบเน้นๆ แถมยังไม่ผ่านการทอดด้วยน้ำมัน เรียกว่า คลีนสุด ที่สำคัญยังหารับประทานได้ง่ายแม้ในร้านสะดวกซื้อ
- ไข่ต้ม แนะนำการระบประทานไข่ต้มในตอนเช้า บางคนที่ไม่ต้องการคอเรสเตอรอลสามารถเลือกรับประทานเฉพาะไข่ขาวก็ได้
- น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล เมนูที่ช่วยให้อยู่ท้องมากกว่าการรับประทานกาแฟ หากใครที่ทำงานสาย และอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงมื้อเที่ยง น้ำเต้าหู้ถือเป็นตัวเลือกอาหารเช้าที่ดี
เมนูมื้อเช้าที่ควรเลี่ยง
- อาหารประเภททอด ไม่ว่าจะเป็น หมูทอด ไก่ทอด ปาท่องโก๋ เต้าหู้ทอด ไข่ทอด ฯลฯ
- ขนมปังหวานควรเลี่ยง เช่น ขนมอบ เบเกอร์รี่ ขนมเค้ก
- ขนมจีบ ซาลาเปา
หลายคนมักรับประทานมื้อเช้าเป็นอาหารง่ายๆ รับประทานไวๆ เช่น กาแฟและขนมเค้ก หรืออาจจะเป็นน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ ซึ่งเมนูเหล่านี้อุดมไปด้วยไขมันที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
อาหารลดน้ำหนักมื้อเที่ยง
แม้ว่ามื้อเที่ยงจะได้ชื่อว่าเป็น “มื้อแห่งราชา” ที่สามารถรับประทานได้มากก็ตาม แต่สำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ควรใส่ใจกับอาหารที่รับประทาน เพราะหากรับประทานแบบไม่ยั้งคิด มื้อกลางวันก็อาจกลายเป็นตัวการที่ทำให้อ้วนได้ เนื่องจากมื้อกลางวันผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะหนุ่มสาวออฟฟิศ ที่หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้วก็มักจะนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดแทบทั้งวัน โดยไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกายเท่าไหร่นัก แน่นอนว่าไขมันย่อมไปสะสม พอกพูนอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง
ดังนั้นอาหารลดน้ำหนักมื้อเที่ยงจึงควรเน้นอาหารที่อิ่มนาน แต่แคลอรี่ต่ำ ไขมันต่ำ
ตัวอย่างเมนูมื้อกลางวัน
- สุกี้ไก่ หรือสุกี้ทะเล
- ต้มยำ
- เกาเหลา
- สปาเกตตี้อกไก่
- โซบะอกไก่
- ข้าวกล้อง+ไก่ผัดขิง
- ต้มจืดวุ้นเส้น+ข้าวกล้อง
อาหารลดน้ำหนักมื้อเย็น
เทคนิคในการลดน้ำหนักในมื้อเย็น คือ การหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารปริมาณมาก โดยหลัง 20.00 น. เป็นต้นไปไม่ควรรับประทานอาหารต่างๆ เข้าไปอีก อาหารลดน้ำหนักสำหรับมื้อเย็นควรเลือกเป็นอาหารเบาๆ ไม่หนักท้อง เพราะในมื้อนี้เราไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานเท่ากับในมื้อเช้า หรือมื้อกลางวัน หากเรารับประทานเข้าไปมาก เมื่อถึงเวลาเข้านอนนอกจากอาหารจะไม่ย่อยแล้ว ไขมันยังเข้าไปแทรกซึมสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดและส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้อ้วนนั่นเอง อย่างไรก็ดี แม้หลายคนจะทราบว่า ไม่ควนรับประทานมากในมื้อเย็น แต่ก็มักละลเยเพราะรุ้สึกว่าเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวันจึงควรเป็นมือที่ได้ตามใจปาก รับประทานได้เต็มที่ หรือบางคนอาจถือเป็นการสังสรรค์ จึงทำให้ไม่สามารถลดน้ำหนักได้เสียที
ระบบเผาผลาญในร่างกาย
ระบบเผาผลาญในร่างกาย จะหมายถึงพลังงานต่างๆ ที่ร่างกายได้รับจากการรับประทานอาหาร จะถูกย่อยให้กลายเป็นสารอาหารที่จะแปรสภาพไปเป็นพลังงานด้วยการเผาผลาญ เราจะนำเอาพลังงานเหล่านี้ไปใช้สำหรับกิจกรรมในแต่ละวันที่ร่างกายต้องเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง นั่ง หรือแม้กระทั่งในช่วงนอนหลับ ร่างกายก็จำเป็นต้องใช้พลังงานเช่นเดียวกัน
การเผาผลาญพลังงานในระดับพื้นฐานจะอยู่ที่ 60%-70% ของพลังงานที่ใช้ตลอดทั้งวัน แต่ละคนจะมีระดับความสามารถในการเผาผลาญพลังงานที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับมวลกล้ามเนื้อว่ามากหรือน้อย พบว่า คนที่มีมวลกล้ามเนื้อมาก จะช่วยให้เกิดการเผาผลาญพลังงานได้ดีกว่าคนที่มีมวลกล้ามเนื้อน้อย หากร่างกายคนไหนสะสมไขมันเอาไว้มากด้วยแล้วก็ยิ่งที่ให้การเผาผลาญต่ำลงมา
การทำให้ร่างกายเกิดเผาผลาญพลังงานมากขึ้น
- มีหลักการง่ายๆ คือ การไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องอยู่นิ่งๆ เป็นเวลานาน
- หากิจกรรมอะไรทำอยู่ตลอดเวลา
- หลีกเลี่ยงการนั่งหรือนอนเฉยๆ ในช่วงกลางวัน
- เน้นกิจกรรมช่วยสลายไขมันอย่างการออกกำลังกาย และเพิ่มกล้ามเนื้อด้วยการเล่นเวทเทรนนิ่ง
- ลดการรับประทานอาหารประเภทไขมันให้น้อยลง เมื่อร่างกายมีกล้ามเนื้อมากขึ้น ระบบเผาผลาญก็จะเพิ่มมากขึ้นตามมา
อาหารที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ
เพื่อช่วยให้การลดน้ำหนักได้ผลมากยิ่งขึ้น การกระตุ้นระบบเผาผลาญด้วยอาหารเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารดังต่อไปนี้สลับสับเปลี่ยนกันไปมาในมื้ออาหาร ช่วยทั้งกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน และยังช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปด้วย
- มะนาวกับกรีกโยเกิร์ตแม้จะไม่ใช่อาหารที่เหมาะสมจะให้เป็นเมนูมื้อหลัก แต่เราสามารถเลือกให้สูตรอาหารชนิดนี้เป็นอาหารว่างทดแทนของหวานชนิดอื่น ด้วยการผสมกรีกโยเกิร์ตกับน้ำมะนาวคั้นสดสักเล็กน้อย คนให้เข้ากันแล้วรับประทานได้ทันที ด้วยเหตุที่ในกรีกโยเกิร์ตมีแคลเซียมที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ส่วนน้ำมะนาวที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ก็เป็นตัวช่วยดูดซึมแคลเซียมอีกทางหนึ่ง
- เมนูจากพริกไทยดำพริกไทยดำมีสรรพคุณที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน เมื่อรับประทานเข้าไปจะช่วยทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญไขมัน และเริ่มต้นการเบิร์นในทันที ดังนั้นลองสร้างสรรค์เมนูที่มีส่วนผสมของพริกไทยดำมากขึ้นก็จะทำให้การลดน้ำหนักทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- กาแฟดำขอย้ำว่า ต้องเป็นกาแฟดำไม่ผสมน้ำตาล ไม่ผสมครีมเทียม หรือนมข้น แต่อาจเพิ่มความหวานด้วยสารทดแทนความหวานชนิดอื่นที่มีความปลอดภัยเข้ามาแทน กาแฟที่มีคาเฟอีนเข้มข้น จะช่วยกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้มากขึ้น ร่างกายตื่นตัว ช่วยเผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่างดี ลองเลือกดื่มกาแฟดำก่อนออกกำลังกายสักครึ่งชั่วโมง ยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบิร์นให้มากขึ้นด้วย
การกินอาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตให้ถูกวิธี
การลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ปลอดภัย ก็คือ การออกกำลังกายและควบคุมอาหาร ตามหลักความเชื่อ ส่วนมากการเลือกจำกัดอาหาร (ไม่ใช่อดอาหาร) ให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมในแต่ละมื้อ เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และเป็นอาหารที่ให้สารอาหารอย่างครบถ้วน ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดน้ำหนักได้อย่างเห็นได้ชัดในเวลาไม่นาน ซึ่งแน่นอนว่า หัวใจหลักของการลดน้ำหนักคือ “อาหาร” แม้จะออกกำลังกายอย่างดี แต่ไม่ยอมควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เป็นอาหารจำพวกแป้ง และน้ำตาลเข้าไปมาก ก็ย่อมทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผล
ความเชื่ออย่างหนึ่งเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก ก็คือ “คาร์โบไฮเดรต” ที่เป็นสารอาหารสำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย ทว่ามักจะเป็นสารอาหารที่คนอยากผอมหวาดกลัว การลดน้ำหนักจากความเชื่อผิดๆ โดยเฉพาะการงดคาร์โบไฮเดรตไปเลย ในระยาวจะส่งผลต่อสุขภาพตามมาด้วยอาการเจ็บป่วยจนสุดท้ายก็ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ แถมยังทำให้อ้วนมากขึ้น
ไขข้อสงสัย กินคาร์โบไฮเดรตแล้วทำให้อ้วน ?
สาเหตุที่ต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานคาร์โบไฮเดรตให้มากขึ้นในช่วงลดน้ำหนัก แม้จะเป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องนำไปใช้ก็ตาม แต่ก็ส่งผลกระทบต่อสัดส่วนได้ หากได้รับในปริมาณที่มากเกินความต้องการ ภายหลังจากรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเข้าไป ร่างกายจะเริ่มทำงานย่อยสารอาหารโมเลกุลใหญ่ให้กลายเป็น “กลูโคส” ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว จากนั้นก็จะแพร่เข้าสู่กระเลือด ส่งต่อไปเป็นพลังงานให้กับเซลล์และกล้ามเนื้อ รวมถึงหน้าที่อื่นๆ ภายในร่างกาย
การที่รับประทานคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป ย่อมเป็นตัวการทำให้กลูโคสในเลือดสูงขึ้น เกินความจำเป็นที่ร่างกายต้องการนำไปใช้ อินซูลินก็จะเริ่มเข้ามาทำหน้าที่ แปรสภาพน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวดังกล่าวให้กลายเป็น “ไกลโคเจน” แล้วถูกส่งต่อไปเก็บไว้ตามส่วนต่างๆ ของกล้ามเนื้อภายในร่างกาย บางส่วนถูกเก็บในรูปของไขมันที่ตับ เป็นเหตุให้มีไขมันสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง มีน้ำหนักตัวมากขึ้น และทำให้ขนาดตัวขยายตามมาเพื่อจัดเก็บไขมันดังกล่าวเอาไว้ตามกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกายเพื่อใช้เอาตัวรอดในอนาคต
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป
- ปริมาณสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว การย่อยจำเป็นต้องใช้สัดส่วนของวิตามินหลายตัวเข้ามาช่วยในปฏิกิริยาดังกล่าว เมื่อร่างกายรับเอาคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป ย่อมทำให้เกิดภาวะขาดวิตามินตามมาได้ ซึ่งวิตามินที่ใช้ทำหน้าที่ เช่น บี1 ไนอะซิน บี2 ไบโอทิน และกรดแพนโทเทนิก เป็นต้น
- หากการรับประทานคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานแล้ว จะทำให้มีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพตามมา
- แทนที่จะลดน้ำหนักได้ แต่กลับทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นโรคอ้วนตามมา
- ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่รับมามากจนเกินไปจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร และกินอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นได้น้อยลง ในระยะยาว เสี่ยงต่อการเกิดโรคขาดสารอาหารขึ้นมาได้
ร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรตเพียงพอหรือยัง ?
ตามปกติดังที่กล่าวไปข้างต้น คาร์โบไฮเดรตคือสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย ดังนั้นจึงไม่ควรงดการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต แต่ให้ใช้วิธีรับประทานในสัดส่วนที่เหมาะสมแทน แต่สำหรับบางคนควรหัดสังเกตว่า คาร์โบไฮเดรตที่มากเกินความต้องการของร่างกายในแต่ละคนจะถูกนำไปใช้งานแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ต้องทำในชีวิตประจำวัน เช่น คนที่ทำงานก่อสร้าง หรือแบกหาม ย่อมต้องการพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตมากกว่าพนักงานออฟฟิศที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ดังนั้นการสังเกตว่า ร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรตมากเกินความต้องการหรือไม่นั้น ให้สังเกตดังนี้
- รับประทานอาหารมื้อเดียวในปริมาณมาก อาหารมื้อหลักที่จัดหนักมากเกินไป ซึ่งมักจะมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตอยู่ พฤติกรรมเช่นนี้ จะทำให้ร่างกายเกิดการนำเอาพลังงานเข้าไปเก็บสะสมในทันทีตามกลไกของธรรมชาติ ร่างกายมักจะต้องการเลือกที่จะลดปริมาณน้ำตาลลง ซึ่งก็คือคาร์โบไฮเดรต โดยนำไปจัดเก็บในรูปของไขมันที่ง่ายกว่าการจัดเก็บสารอาหารชนิดอื่นๆ
- รับประทานอาหารที่มีข้าว แป้ง และน้ำตาล รวมต่อวันในปริมาณมาก เหตุนี้จะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลในปริมาณมาก คาร์โบไฮเดรตเกินความจำเป็น ส่งผลให้เกิดการสะสมของพลังงานที่เหลืออยู่ในปริมาณมาก ย่อมถูกเปลี่ยนให้ถูกนำไปจัดเก็บในรูปของไขมันตามมา
กินคาร์โบไฮเดรตก่อนออกกำลังกาย
ความจริงแล้ว ร่างกายจำเป็นต้องได้รับคาร์โบไฮเดรตช่วง “ก่อน” ออกกำลังกาย ก่อนหน้านี้อาจจะมีความเชื่อว่า การรับประทานคาร์โบไฮเดรตหลังอาหารจะช่วยให้ร่างกายหายเหนื่อยได้ไว แต่เทียบกันแล้วพบว่าการรับประทานคาร์บก่อนออกกำลังกายจะให้ผลดีกว่าในด้านการลดน้ำหนัก คือ
- ช่วยป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ป้องกันการรับประทานคาร์โบไฮเดรตหลังอาหารมากเกินไปได้ เพราะคาร์โบไฮเดรตที่เปลี่ยนตัวเองไปเป็นน้ำตาลในกระแสเลือด หากรับประทานหลังออกกำลังกายจะเกิดความรู้สึกพึงพอใจ เนื่องจากร่างกายได้รับน้ำตาลเพิ่มเข้ามา เหมือนกับการรับประทานขนมหวาน เป็นความผ่อนคลายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่อาจจะทำให้เผลอใจรับเอาคาร์โบไฮเดรตเข้าไปมากจนเกินพลังงานที่นำไปออกไปก่อนหน้านี้ก็เป็นได้
- ช่วยให้ร่างกายรู้สึกแข็งแรง และมีความอึดในขณะออกกำลังกาย เหนื่อยน้อยลง ออกกำลังกายได้นานขึ้น เพราะมีพลังงานเบาๆ นำไปใช้หมุนเวียน ยิ่งคนที่ออกกำลังกายช่วงเช้าแล้ว ร่างกายจำเป็นต้องมีพลังงานบางส่วนเข้ามาเสริมในขณะท้องว่าง ลดอาการวิงเวียนศีรษะและหน้ามืดเพราะภาวะน้ำตาลต่ำ
จะเห็นได้ว่าการเลือกรับประทานอาหารลดน้ำหนัก เป็นสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับการลดความอ้วนอย่างยิ่ง แม้การลดน้ำหนักจะเป็นเรื่องยาก แต่หากรู้จักเลือกเมนูอาหารที่เหมาะสมโดยการรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และไม่หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล หรือไขมัน (เพราะร่างกายของเรายังคงต้องการพลังงานอยู่) เพียงแต่จำกัดปริมาณอาหารเหล่านี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอดี คือในแต่ละมื้อให้เน้นอาหารลดน้ำหนัก เน้นผักและผลไม้ ในอัตราส่วนที่มากกว่าอาหารที่ให้แคลอรีสูง ทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เพียงเท่านี้รูปร่างที่ดีหุ่นสวยๆ ที่อยากได้ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว