10 ผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเพื่อสุขภาพที่ดี
- By : Pergusto.net
- Category : ผลไม้เพื่อสุขภาพ

10 ผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อสุขภาพที่ดี
10 ผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อสุขภาพที่ดี จัดเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ และ กินได้บ่อยๆ แบบไม่ต้องกลัวอ้วน ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และเพิ่มภูมิคุ้มกันอีกด้วย ผลไม้ทั้ง 10 ชนิดนี้มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตเฉลี่ย 1.9 – 10 กรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม โดยอะโวกาโดมีคาร์โบไฮเดรตต่ำสุด แอปเปิลมีคาร์โบไฮเดรตสูงสุด
1.พีช: แหล่งของโพแทสเซียม
ทุกคนรู้กันดีว่ากล้วยนั้นเป็นแหล่งของโพแทสเซียมแต่ลูกพีช ลูกเล็กๆ 2 ลูกนั้นให้แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายมากกว่ากล้วยขนาดกลาง 1 ใบ ช่วยบำรุงเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะเปลือกของพีชที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและเส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ พีชยังเป็นผลไม้ให้รสหวานที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนักอีกด้วย โดยคุณอาจจะนำพีชมาเป็นส่วนประกอบในการทำขนมหวานที่ดีต่อสุขภาพ
- โพแทสเซียม (Potassium) จะทำงานร่วมกับโซเดียมในการควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกายและช่วยทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติ โดยความเครียดทางด้านร่างกายและจิตใจอาจส่งผลให้ขาดโพแทสเซียมได้ หากโพแทสเซียมและโซเดียมในร่างกายเสียสมดุลจะทำให้การทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อเสียไป
- ไฮโปไกลซีเมีย (ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ) จะส่งผลให้ร่างกายสูญเสียโพแทสเซียมได้ เหมือนกับการอดอาหารเป็นเวลานาน ท้องร่วงอย่างรุนแรง
- แหล่งที่พบโพแทสซียมตามธรรมชาติ ได้แก่ โยเกิร์ต ผลไม้รสเปรี้ยว กล้วย ลูกพีช มันฝรั่ง แคนตาลูป มะเขือเทศ ผักวอเตอร์เครส ผักใบเขียวทุกชนิด สะระแหน่ เมล็ดทานตะวัน ถั่ว เป็นต้น
- ผลเสียของการรับประทานโพแทสเซียมเกินขนาด ร่างกายอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ หากรับประทานในปริมาณตั้งแต่ 18 กรัมขึ้นไป และโรคจากการขาดโพแทสเซียม ได้แก่ อาการบวมและภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (ไฮโปไกลซีเมีย) สำหรับศัตรูของธาตุโพแทสเซียม ก็ได้แก่ น้ำตาล กาแฟ แอลกอฮอล์ และยาขับปัสสาวะ
2.สับปะรด: อุดมไปด้วยสารต้านการอักเสบ
สับปะรดเป็นผลไม้เขตร้อนที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และมีเอนไซม์บรอมมีเลน (bromelain) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่น่าสนใจหลายอย่าง ปัจจุบันนอกจากการนำสับปะรดมาบริโภคในรูปแบบของผลไม้สดและใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารและขนมต่างๆ แล้ว ยังมีการนำสับปะรดมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้หลายชนิด เช่น สับปะรดกระป๋อง สับปะรดอบแห้ง สับปะรดแช่แข็ง น้ำผลไม้ น้ำส้มสายชู ไวน์สับปะรด อุตสาห์กรรมเบียร์ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และการใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับสับปะรดได้เป็นอย่างดี
3.องุ่น: ดีต่อสุขภาพของหัวใจ
องุ่นนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ quercetin และ resveratrol ที่พบว่าช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและการมี cholesterol ในระดับสูง องุ่นยังเป็นแหล่งของโพแทสเซียมและธาตุเหล็กซึ่งช่วยป้องกันการเกิดตะคริวและภาวะโลหิตจาง องุ่นแดงหรือม่วงเป็นสายพันธุ์ที่มีสารที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด
4.กีวี่: อุดมไปด้วยวิตามิน
“กีวี” หรือ “กีวีฟรุต (Kiwifruit)” เป็นผลไม้มีลักษณะกลมรี ทรงไข่ มีผิวเปลือกที่บาง และมีขนเล็กๆ สีน้ำตาลขึ้นบริเวณรอบเปลือก สีผลภายนอกสีเขียวอมน้ำตาล เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หรือเหลือง ส่วนเนื้อภายในของกีวีเป็นสีเขียวใส หรือเหลืองขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เนื้อผลนุ่มชุ่มฉ่ำน้ำ แถมมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว กีวีมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์คือ เปรี้ยวอมหวาน ในส่วนของแกนกลางผลจะมีเมล็ดสีดำเล็กๆ มากมาย ซึ่งเป็นแหล่งไฟเบอร์ชั้นเยี่ยมนั่นเองและกีวี่นั้นอุดมไปด้วยวิตามันซีและอีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและดีต่อสายตา นอกจากนั้นกีวี่ยังให้พลังงานต่ำแต่มีเส้นใยอาหารสูงทำให้เป็นผลไม้ที่เหมาะในผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
5.มะม่วง: ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน
มะม่วง เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีรสชาติดี รับประทานได้ทั้งผลดิบและผลสุก ให้พลังงานสูง เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของโพแทสเซียม เส้นใยอาหาร และวิตามิน หลายคนเชื่อว่ามะม่วงอาจมีคุณสมบัติต้านเบาหวาน มะเร็ง การอักเสบ การติดเชื้อต่าง ๆ และต้านสารอนุมูลอิสระได้มะม่วงเป็นผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง ซึ่งร่างกายสามารถเปลี่ยนสารนี้ให้กลายเป็นวิตามินเอเพื่อนำไปสร้างกระดูกและเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้ นอกจากนั้นมะม่วงยังให้วิตามินซีในปริมาณสูงอีกด้วย
6.แอปเปิ้ล: ดีต่อสมองและหัวใจ
แอปเปิ้ลขนาดกลาง 1 ลูกนั้นให้พลังงานต่ำ (เพียงแค่ 80 แคลอรี) แต่อุดมไปด้วยสาร quertecin ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์สมองที่จะทำไปสู่โรคอัลไซเมอร์ได้ มีงานวิจัยพบว่าผู้ที่รับประทานแอปเปิ้ลนั้นมีโอกาสในการเกิดโรคความดันโลหิตสูงน้อยกว่า นอกจากนั้นแอปเปิ้ลยังสามารถช่วยลดระดับ cholesterol และป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และเพิ่มความแข็งแรงของฟันอีกด้วย เวลารับประทานแอปเปิ้ล ให้รับประทานทั้งเปลือกเพราะเปลือกนั้นก็เป็นส่วนที่อุดมไปด้วยสารที่ช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ เช่น flavonoids ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
7.ทับทิม: ให้สารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าไวน์แดงหรือชาเขียว
น้ำทับทิมนั้นให้สารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าไวน์แดงหรือชาเขียวถึง 2-3 เท่าและยังเป็นแหล่งของโพแทสเซียมซึ่งช่วยคงพลังงานให้กับร่างกายและควบคุมความดันโลหิต งานวิจัยพบว่าการดื่มน้ำทับทิม ¼ ถ้วยนั้นจะช่วยทำให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น ลดระดับ cholesterol ลงและช่วยทำให้ภาวะองคชาติไม่แข็งตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเริ่มรับประทานน้ำทับทิมเป็นประจำเนื่องจากน้ำทับทิมอาจส่งผลต่อการทำงานของยาบางตัวได้
ชาวเชียงใหม่และภาคเหนือทั่วไปเรียก มะก้อ ชาวน่านเรียก มะก่องแก้ว ชาวแม่ฮ่องสอนเรียก หมากจัง ชาวหนองคาย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เรียก พิลา ชาวจีนเรียก เซี๊ยะลิ้ว ชาวสเปนเรียก Granada ส่วนชาวอินเดียเรียก Darim ทับทิมเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง สูงประมาณ 4-6 เมตร ทรงพุ่มโปร่ง มีหนามแหลมตามกิ่งก้าน ใบเดี่ยวขนาดเล็ก รูปใบยาวปลายแหลม ยาว 3-4 เซนติเมตร ดอกสีแดงหรือสีขาว
8.Grapefruit: แหล่งของวิตามินซี
ถึงแม้ว่าส้มนั้นจะเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีที่สำคัญแต่ grapefruit นั้นก็จัดเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีได้มากและยังเป็นอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร โพแทสเซียมและวิตามินเออีกด้วย มีงานวิจัยที่พบว่า grapefruit นั้นช่วยลดอาการของโรคข้ออักเสบและช่วยซ่อมแซมผิวหนังหรือผมที่มันได้
9.กล้วย: รับประทานง่ายแต่ดีต่อสุขภาพ
กล้วยจัดเป็นผลไม้ที่เหมาะกับการรับประทานเป็นของว่าง โดยกล้วยนั้นเป็นแหล่งของโพแทสเซียมและเสน้ใยอาหารที่จะช่วยคงพลังงานในร่างกายตลอดทั้งวัน และเนื่องจากกล้วยนั้นไม่มีไขมันหรือเกลือทำให้กล้วยเป็นผลไม้ที่เหมาะนำมารับประทานแทนขนมต่างๆ ในยามว่าง
10.บลูเบอร์รี่: อุดมไปด้วยสารชะลอวัย
บลูเบอร์รี่นั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีที่ช่วยในการต่อสู้กับโรคต่างๆ รวมถึงสาร anthocyanin ซึ่งเป็นเม็ดสีที่เพิ่มการทำงานของสมอง งานวิจัยหนึ่งพบว่าผู้ที่รับประทานบลูเบอร์รี่นั้นมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะที่ทำให้ตาบอดได้ลดลง